mylocalsydney.com
ตั้งใจฟังจังหวะการหายใจ หากคุณสงสัยว่ากำหนดคลอดกำลังใกล้เข้ามาถึงและน้องแมวของคุณยอมให้คุณเข้าใกล้ ให้คุณลองฟังจังหวะการหายใจของมันอย่างตั้งใจ โดยแม่แมวอาจมีอัตราการหายใจที่เร็วกว่าปกติและเริ่มมีอาการหายใจหอบ รวมถึงอาจส่งเสียงครางอย่างต่อเนื่องและเป็นจังหวะ 4. สัมผัสดูความตึงของหน้าท้อง เมื่อกำหนดคลอดใกล้เข้ามาถึง แม่แมวจะเริ่มมีอาการมดลูกบีบรัดตัว คุณสามารถรับรู้อาการได้จากการสัมผัสดูเบา ๆ ตรงบริเวณหน้าท้องของมัน เนื่องจากหน้าท้องที่ตึงมักเป็นสัญญาณว่าอาการมดลูกบีบรัดตัวกำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้คุณอาจสังเกตเห็นอีกด้วยว่าหน้าท้องของแม่แมวมีการหดและคลายตัว แม่แมวอาจนอนตะแคงในระหว่างที่คุณสัมผัสดูหน้าท้องของมัน ทำให้การตรวจเช็คเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ระวังสัญญาณอันตราย 1. ติดต่อสัตวแพทย์หากการคลอดใช้เวลานานกว่าปกติ แม่แมวโดยส่วนใหญ่สามารถคลอดลูกได้เองโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ อย่างไรก็ตาม คุณควรจับตาดูน้องแมวของคุณอย่างใกล้ชิดหากดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะคลอดลูกแล้ว หากมีสัญญาณใด ๆ (เช่นการหดรัดตัวของมดลูก) บ่งชี้ว่ากระบวนการคลอดกำลังจะเกิดขึ้น แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังเวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันทีเพื่อขอคำแนะนำและการช่วยเหลือ 2.
สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดหากอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น การวัดอุณหภูมิร่างกายของแม่แมวไม่เพียงสามารถระบุกำหนดคลอดของแม่แมวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณรู้ทันก่อนเกิดปัญหาใด ๆ ตามปกติแล้วอุณหภูมิร่างกายของแม่แมวจะตกลงเมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด แต่หากพบว่าอุณหภูมิร่างกายของมันเพิ่มสูงขึ้น ให้คุณจับตาดูน้องแมวของคุณอย่างใกล้ชิดและวัดอุณหภูมิซ้ำอีกครั้งโดยเร็วที่สุด และหากอุณหภูมิร่างกายยังคงสูงกว่าปกติ ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันที 3. สังเกตดูสารคัดหลั่งที่ผิดปกติ ในบางครั้งการมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการคลอดของแม่แมว เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด แม่แมวที่กำลังตั้งครรภ์จะมีเมือกหรือน้ำคร่ำไหลออกมาจากช่องคลอด อย่างไรก็ตาม หากคุณสังเกตเห็นว่ามีเลือดไหลออกมามากเกินไปหรือสารคัดหลั่งมีกลิ่นที่เหม็นและแรง ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันที เพราะอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นในกระบวนการคลอดของแม่แมว 4. เฝ้าระวังหากแม่แมวดูเหมือนมีอาการเจ็บ กระบวนการคลอดทำให้แม่แมวรู้สึกไม่สบายตัวและมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จึงเป็นเรื่องยากที่คุณจะดูออกว่าน้องแมวของคุณมีอาการปกติหรือไม่ แม่แมวโดยส่วนใหญ่จะสามารถคลอดลูกได้เองโดยไม่มีปัญหาใด ๆ อย่างไรก็ตาม หากน้องแมวของคุณกัดหรือเลียตรงบริเวณช่องคลอด ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันทีเพื่อวินิจฉัยปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 5.
ปวดหลัง อาการปวดหลังเป็นอาการทั่วไปที่มักเกิดกับแม่ท้อง แต่หากเริ่มมีอาการปวดหลังรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในบางครั้ง อาจมาจากการที่ศีรษะของเด็กในครรภ์ ไปสัมผัสกับกระดูกสันหลังของแม่ท้องจึงทำให้มีอาการปวดหลังรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอีกสัญญาณของการใกล้คลอดได้เช่นกัน 6.
คอยสังเกตอาการของชิวาว่าไว้ให้ดี บางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะกำหนดวันคลอดที่ตายตัวได้ว่าเจ้าสุนับของคุณจะคลอดเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นแล้วคุณจึงจำเป็นที่จะต้องสังเกตอาการของชิวาว่าให้ดี เพราะบ่อยครั้งที่สุนัขมักคลอดลูกในตอนกลางคืน หากสุนัขไม่ได้ประหม่าเมื่อคุณอยู่ด้วยก็ควรดูแลอย่างใกล้ชิด และหากเห็นว่าช่วงกลางวันหมือนจะมีอาการอยากคลอดแต่ยังไม่คลอด ในช่วงกลางคืนก็ควรตื่นมาดูบ่อย ๆ และหากเมื่อไหร่ที่เขาเดินกระวนกระวายนั่นหมายความว่าเขาอาจจะคลอดแล้วก็ได้ 2. ให้แม่สุนัขทำความสะอาดลูกทันที เมื่อแม่สุนัขคลอดลูกออกมาแล้วให้เขาทำความสะอาดลูกทันที โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที เพี่อเป็นการทำความสะอาดเอาถุงน้ำคร่ำออกจากตัวลูกสุนัข โดยการเลียลูกเพื่อทำความสะอาดนั่นเอง หากแม่ชิวาว่าใช้เวลาในการทำความสะอาดนานเกินไปคุณสามารถช่วยเขาได้โดยการนำผ้านุ่ม ๆ ถูหรือเช็ดที่ตัวลูกสุนัขเพื่อช่วยเอาน้ำคร่ำออก เมื่อตัวลูกสุนัขเริ่มแห้งเขาก็จะเริ่มมีเสียงร้องออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ผูกปมสายสะดือให้ห่างจากตัวลูกสุนัขและตัดออก 3. ดูให้แน่ใจว่าลูกสุนัขดูดนมแม่ ลูกสุนัขควรที่จะเริ่มดูดนมแม่หลังคลอดภายใน 1-3 ชั่วโมง โดยคุณอาจจะช่วยจับลูกสุนัขให้ดูดนมแม่ และช่วยบีบน้ำนมเบา ๆ เพื่อให้ลูกสุนัขเข้าใจว่าควรทำอย่างไร หรือหากช่วยแล้วแต่ลูกสุนัขยังไม่สามารถดูดนมแม่ได้ อาจมีอะไรผิดปกติ เช่น เพดานโหว่ ให้คุณจับอ้าปากดูได้เลย ซึ่งลูกสุนัขที่ปกติจะมีเพดานที่เต็มและเรียบ ไม่มีรู หรือในกรณีที่ลูกชิวาว่าสมบูรณ์แต่ไม่ยอมดูดนม คุณสามารถชงนมให้ลูกสุนัขดูดได้ 4.
มีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย นอกจากอาการปวดหลังแล้ว คุณแม่อาจมีอาการปวดท้องถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ หรือมีอาการอยากจะอาเจียนด้วยค่ะ สาเหตุอาจเป็นเพราะร่างกายกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด โดยการปล่อยของเสียให้ไหลผ่านระบบทางเดินอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว และเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้อยเตรียมเคลื่อนตัวออกจากครรภ์คุณแม่ในระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยค่ะ 5. มีมูกเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด หากคุณแม่สังเกตเห็นว่ามีมูกเลือดเหนียว ๆ ไหลออกมา นั่นก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าคุณแม่ใกล้ถึงเวลาคลอดแล้วค่ะ เมื่อมดลูกเริ่มขยายตัวเปิดกว้างขึ้นอย่างเต็มที่ จนมีความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ทำให้ร่างกายได้ปล่อยเมือกที่ปิดกั้นอยู่ภายในปากมดลูกออกมา ประกอบกับเส้นเลือดบริเวณปากมดลูกที่มีการขยายตัวเพราะฮอร์โมนเกิดการฉีกขาด จึงทำให้มีเลือดไหลปนออกมาด้วย เมื่อคุณแม่เห็นว่ามีอาการตามที่กล่าวมานี้ ก็ควรรีบไปพบสูติแพทย์ทันทีค่ะ 6. น้ำคร่ำแตก ทารกเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีในท้องของผู้หญิงที่โอบล้อมไปด้วยน้ำคร่ำ โดยถุงน้ำคร่ำที่มีลักษณะคล้ายน้ำปัสสาวะนั้น จะแตกออกหลายวันก่อนคลอดลูกหรือแตกในระหว่างที่คลอดลูกก็ได้ค่ะ แต่เมื่อน้ำคร่ำแตกโดยที่คุณแม่ไม่ทันตั้งตัว แนะนำให้รีบเดินทางมาพบสูติแพทย์โดยด่วนเลย เพราะทารกที่ไม่มีน้ำคร่ำโอบล้อมร่างกายในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้น อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นสูติแพทย์จึงจำเป็นต้องทำคลอดให้คุณแม่หลังจากที่น้ำคร่ำแตกภายในหนึ่งหรือสองวัน เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยนั่นเอง 7.
แนะนำเพิ่มเติม คุณแม่ควรนำเอาคำแนะนำเบื้องต้นเหล่านี้ไปปฎิบัติเพราะมันจะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากอาการซึมเศร้าได้ และจะให้ดีที่สุด ควรปรึกษาสูติแพทย์หรือกุมารแพทย์ถึงอาการเหล่านี้ อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้กลายเป็นปัญหาใหญ่
ถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ ในช่วงใกล้เวลาสำคัญนี้ อาการคนท้องอีกอย่างที่เห็นได้ชัด คือการปวดท้องถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ ซึ่งเกิดจากความมหัศจรรย์ของร่างกายที่ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกมา เพื่อเตรียมสำหรับการคลอดทารกเป็นลำดับต่อไป บางคนอาจจะมีอาหารอยากอาเจียนร่วมด้วย แต่ไม่น่าวิตกกังวลอะไร ซึ่งคุณแม่สามารถถ่ายได้อย่างปกติ ไม่จำเป็นต้องอั้นไว้ เพราะอาจเกิดปัญหาท้องผูกตามมาได้ 4. มีเลือดไหลออกทางช่องคลอด อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือนเชียว เพราะเลือดที่ไหลออกมานี้ จะมีลักษณะเป็นมูกเหนียว ๆ ที่เป็นสัญญาณระยะท้าย ๆ สำหรับหญิงที่มีการตั้งครรภ์ว่า ร่างกายของคุณพร้อมแล้วนะ แล้วมดลูกก็เริ่มมีการขยายแล้ว จึงเริ่มมีการปล่อยมูกเลือดออกมาก่อน หากพบเจออาการนี้ไม่ต้องตกใจ แต่ต้องรีบไปพบสูติแพทย์ทันที เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคลอดลูก 5. น้ำคร่ำแตก และนี่คือสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เด็กน้อยพร้อมจะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว เมื่อใดก็ตามที่น้ำคร่ำแตก ต้องรีบเดินทางมาพบแพทย์ เพราะแพทย์จะทำคลอดให้ภายใน 1-2 วันนั้นเลย มิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายสำหรับเด็กได้ เพราะไม่มีกลไกธรรมชาติคอยโอบล้อมป้องกันสิ่งต่าง ๆ ให้กับเด็กแล้ว จึงอาจเกิดการติดเชื้อที่เป็นอันตรายทั้งต่อตัวทารกและคุณแม่ ยิ่งใกล้ถึงเวลาคลอดเท่าไร คุณแม่ก็ต้องสังเกตอาการของตัวเองมากยิ่งขึ้น และถ้าหากพบสัญญาณเหล่านี้ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการคลอดมากยิ่งขึ้นด้วย
อาการท้องลด เกิดจากทารกในครรภ์เริ่มเคลื่อนศีรษะลงมาอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งจะทำให้คุณแม่รู้สึกโล่ง ไม่อึดอัด ท้องมีขนาดเล็กลง และ หายใจสะดวกขึ้น ซึ่งอาการนี้จะเรียกว่า "อาการท้องลด" อาการนี้อาจเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนคลอด หรือ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนคลอด ทั้งนี้ในคุณแม่บางคนก็อาจไม่มีอาการท้องลดเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาคลอด 2. มีเมือกไหลออกมาทางช่องคลอด ในช่วงการตั้งครรภ์ บริเวณปากมดลูกจะมีเมือกที่เรียกว่า mucus plug เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในมดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อเริ่มใกล้เวลาเข้าสู่การคลอด ปากมดลูกจะเริ่มเปิดและบาง เมือกนี้ก็จะหลุดออกมา และบางครั้งอาจมีเลือดผสมออกมาด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณของอาการใกล้คลอดนั่นเอง 3. การเจ็บท้องจริง คุณแม่จะรู้สึกเจ็บเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและเริ่มถี่ขึ้น อาการเจ็บท้องจริงก่อนการคลอดนี้จะคล้ายกับตอนที่เจ็บท้องมีประจำเดือน แต่จะเริ่มปวดถี่แรงขึ้นเป็นจังหวะ หากคุณแม่เกิดอาการแบบนี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลได้เลย เพราะเป็นสัญญาณสำคัญของการคลอดแล้ว 4. ท้องเสีย อาการท้องเสีย ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการใกล้คลอด และเมื่อใกล้คลอด ร่างกายจะปล่อยสารโพรสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มดลูกหดตัว และหากมีอาการท้องเสีย จะทำให้ร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เกิดภาวะขาดน้ำ หากมีการท้องเสียมาก ร่างกายจะขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูกอันนำไปสู่การคลอดได้ 5.
ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัขทันทีหลังคลอด ถ้าแม่สุนัขไม่ได้สกปรกจนเกินไปก็ไม่ควรอาบน้ำในทันที ควรจะรออย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ก่อนและในการอาบน้ำให้เขาควรใช้แชมพูอ่อน ๆ ในการทำความสะอาด และล้างออกให้หมดเพื่อที่จะได้ไม่มีสารตกค้างที่ตัวแม่สุนัข เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อลูกอีกด้วย 5.
ไซบีเรียนกินอะไรถึงอ้วน สุดยอดคำถามที่คนรักสุนัขไซบีเรียนอยากรู้! Reader Interactions You must log in to post a comment.
อาการ คน จะ คลอด
ตั้งใจฟังจังหวะการหายใจ หากคุณสงสัยว่ากำหนดคลอดกำลังใกล้เข้ามาถึงและน้องแมวของคุณยอมให้คุณเข้าใกล้ ให้คุณลองฟังจังหวะการหายใจของมันอย่างตั้งใจ โดยแม่แมวอาจมีอัตราการหายใจที่เร็วกว่าปกติและเริ่มมีอาการหายใจหอบ รวมถึงอาจส่งเสียงครางอย่างต่อเนื่องและเป็นจังหวะ 4. สัมผัสดูความตึงของหน้าท้อง เมื่อกำหนดคลอดใกล้เข้ามาถึง แม่แมวจะเริ่มมีอาการมดลูกบีบรัดตัว คุณสามารถรับรู้อาการได้จากการสัมผัสดูเบา ๆ ตรงบริเวณหน้าท้องของมัน เนื่องจากหน้าท้องที่ตึงมักเป็นสัญญาณว่าอาการมดลูกบีบรัดตัวกำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้คุณอาจสังเกตเห็นอีกด้วยว่าหน้าท้องของแม่แมวมีการหดและคลายตัว แม่แมวอาจนอนตะแคงในระหว่างที่คุณสัมผัสดูหน้าท้องของมัน ทำให้การตรวจเช็คเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ระวังสัญญาณอันตราย 1. ติดต่อสัตวแพทย์หากการคลอดใช้เวลานานกว่าปกติ แม่แมวโดยส่วนใหญ่สามารถคลอดลูกได้เองโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ อย่างไรก็ตาม คุณควรจับตาดูน้องแมวของคุณอย่างใกล้ชิดหากดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะคลอดลูกแล้ว หากมีสัญญาณใด ๆ (เช่นการหดรัดตัวของมดลูก) บ่งชี้ว่ากระบวนการคลอดกำลังจะเกิดขึ้น แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังเวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันทีเพื่อขอคำแนะนำและการช่วยเหลือ 2.
อาการซึมเศร้าหลังคลอด แม่จะรับมืออย่างไร ไฮ-แฟมิลี่คลับ
6สัญญาณเตือนการใกล้คลอด ที่คุณแม่ควรรู้
สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดหากอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น การวัดอุณหภูมิร่างกายของแม่แมวไม่เพียงสามารถระบุกำหนดคลอดของแม่แมวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณรู้ทันก่อนเกิดปัญหาใด ๆ ตามปกติแล้วอุณหภูมิร่างกายของแม่แมวจะตกลงเมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด แต่หากพบว่าอุณหภูมิร่างกายของมันเพิ่มสูงขึ้น ให้คุณจับตาดูน้องแมวของคุณอย่างใกล้ชิดและวัดอุณหภูมิซ้ำอีกครั้งโดยเร็วที่สุด และหากอุณหภูมิร่างกายยังคงสูงกว่าปกติ ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันที 3. สังเกตดูสารคัดหลั่งที่ผิดปกติ ในบางครั้งการมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการคลอดของแม่แมว เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด แม่แมวที่กำลังตั้งครรภ์จะมีเมือกหรือน้ำคร่ำไหลออกมาจากช่องคลอด อย่างไรก็ตาม หากคุณสังเกตเห็นว่ามีเลือดไหลออกมามากเกินไปหรือสารคัดหลั่งมีกลิ่นที่เหม็นและแรง ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันที เพราะอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นในกระบวนการคลอดของแม่แมว 4. เฝ้าระวังหากแม่แมวดูเหมือนมีอาการเจ็บ กระบวนการคลอดทำให้แม่แมวรู้สึกไม่สบายตัวและมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จึงเป็นเรื่องยากที่คุณจะดูออกว่าน้องแมวของคุณมีอาการปกติหรือไม่ แม่แมวโดยส่วนใหญ่จะสามารถคลอดลูกได้เองโดยไม่มีปัญหาใด ๆ อย่างไรก็ตาม หากน้องแมวของคุณกัดหรือเลียตรงบริเวณช่องคลอด ให้คุณติดต่อสัตวแพทย์โดยทันทีเพื่อวินิจฉัยปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 5.
ปวดหลัง อาการปวดหลังเป็นอาการทั่วไปที่มักเกิดกับแม่ท้อง แต่หากเริ่มมีอาการปวดหลังรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในบางครั้ง อาจมาจากการที่ศีรษะของเด็กในครรภ์ ไปสัมผัสกับกระดูกสันหลังของแม่ท้องจึงทำให้มีอาการปวดหลังรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอีกสัญญาณของการใกล้คลอดได้เช่นกัน 6.
รู้ได้ไงว่าใกล้คลอด 6 สัญญาณเตือน อาการเจ็บท้องคลอด เตรียมตัวได้เลย
คอยสังเกตอาการของชิวาว่าไว้ให้ดี บางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะกำหนดวันคลอดที่ตายตัวได้ว่าเจ้าสุนับของคุณจะคลอดเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นแล้วคุณจึงจำเป็นที่จะต้องสังเกตอาการของชิวาว่าให้ดี เพราะบ่อยครั้งที่สุนัขมักคลอดลูกในตอนกลางคืน หากสุนัขไม่ได้ประหม่าเมื่อคุณอยู่ด้วยก็ควรดูแลอย่างใกล้ชิด และหากเห็นว่าช่วงกลางวันหมือนจะมีอาการอยากคลอดแต่ยังไม่คลอด ในช่วงกลางคืนก็ควรตื่นมาดูบ่อย ๆ และหากเมื่อไหร่ที่เขาเดินกระวนกระวายนั่นหมายความว่าเขาอาจจะคลอดแล้วก็ได้ 2. ให้แม่สุนัขทำความสะอาดลูกทันที เมื่อแม่สุนัขคลอดลูกออกมาแล้วให้เขาทำความสะอาดลูกทันที โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที เพี่อเป็นการทำความสะอาดเอาถุงน้ำคร่ำออกจากตัวลูกสุนัข โดยการเลียลูกเพื่อทำความสะอาดนั่นเอง หากแม่ชิวาว่าใช้เวลาในการทำความสะอาดนานเกินไปคุณสามารถช่วยเขาได้โดยการนำผ้านุ่ม ๆ ถูหรือเช็ดที่ตัวลูกสุนัขเพื่อช่วยเอาน้ำคร่ำออก เมื่อตัวลูกสุนัขเริ่มแห้งเขาก็จะเริ่มมีเสียงร้องออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ผูกปมสายสะดือให้ห่างจากตัวลูกสุนัขและตัดออก 3. ดูให้แน่ใจว่าลูกสุนัขดูดนมแม่ ลูกสุนัขควรที่จะเริ่มดูดนมแม่หลังคลอดภายใน 1-3 ชั่วโมง โดยคุณอาจจะช่วยจับลูกสุนัขให้ดูดนมแม่ และช่วยบีบน้ำนมเบา ๆ เพื่อให้ลูกสุนัขเข้าใจว่าควรทำอย่างไร หรือหากช่วยแล้วแต่ลูกสุนัขยังไม่สามารถดูดนมแม่ได้ อาจมีอะไรผิดปกติ เช่น เพดานโหว่ ให้คุณจับอ้าปากดูได้เลย ซึ่งลูกสุนัขที่ปกติจะมีเพดานที่เต็มและเรียบ ไม่มีรู หรือในกรณีที่ลูกชิวาว่าสมบูรณ์แต่ไม่ยอมดูดนม คุณสามารถชงนมให้ลูกสุนัขดูดได้ 4.
วิธีสังเกต ชิวาว่าใกล้คลอดแล้ว และสิ่งที่เจ้าของควรทำ - Box Meaww
มีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย นอกจากอาการปวดหลังแล้ว คุณแม่อาจมีอาการปวดท้องถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ หรือมีอาการอยากจะอาเจียนด้วยค่ะ สาเหตุอาจเป็นเพราะร่างกายกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด โดยการปล่อยของเสียให้ไหลผ่านระบบทางเดินอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว และเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้อยเตรียมเคลื่อนตัวออกจากครรภ์คุณแม่ในระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยค่ะ 5. มีมูกเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด หากคุณแม่สังเกตเห็นว่ามีมูกเลือดเหนียว ๆ ไหลออกมา นั่นก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าคุณแม่ใกล้ถึงเวลาคลอดแล้วค่ะ เมื่อมดลูกเริ่มขยายตัวเปิดกว้างขึ้นอย่างเต็มที่ จนมีความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ทำให้ร่างกายได้ปล่อยเมือกที่ปิดกั้นอยู่ภายในปากมดลูกออกมา ประกอบกับเส้นเลือดบริเวณปากมดลูกที่มีการขยายตัวเพราะฮอร์โมนเกิดการฉีกขาด จึงทำให้มีเลือดไหลปนออกมาด้วย เมื่อคุณแม่เห็นว่ามีอาการตามที่กล่าวมานี้ ก็ควรรีบไปพบสูติแพทย์ทันทีค่ะ 6. น้ำคร่ำแตก ทารกเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีในท้องของผู้หญิงที่โอบล้อมไปด้วยน้ำคร่ำ โดยถุงน้ำคร่ำที่มีลักษณะคล้ายน้ำปัสสาวะนั้น จะแตกออกหลายวันก่อนคลอดลูกหรือแตกในระหว่างที่คลอดลูกก็ได้ค่ะ แต่เมื่อน้ำคร่ำแตกโดยที่คุณแม่ไม่ทันตั้งตัว แนะนำให้รีบเดินทางมาพบสูติแพทย์โดยด่วนเลย เพราะทารกที่ไม่มีน้ำคร่ำโอบล้อมร่างกายในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้น อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นสูติแพทย์จึงจำเป็นต้องทำคลอดให้คุณแม่หลังจากที่น้ำคร่ำแตกภายในหนึ่งหรือสองวัน เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยนั่นเอง 7.
แนะนำเพิ่มเติม คุณแม่ควรนำเอาคำแนะนำเบื้องต้นเหล่านี้ไปปฎิบัติเพราะมันจะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากอาการซึมเศร้าได้ และจะให้ดีที่สุด ควรปรึกษาสูติแพทย์หรือกุมารแพทย์ถึงอาการเหล่านี้ อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้กลายเป็นปัญหาใหญ่
อาการคนใกล้คลอด กับ 7 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าใกล้คลอดแล้ว
ถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ ในช่วงใกล้เวลาสำคัญนี้ อาการคนท้องอีกอย่างที่เห็นได้ชัด คือการปวดท้องถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ ซึ่งเกิดจากความมหัศจรรย์ของร่างกายที่ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกมา เพื่อเตรียมสำหรับการคลอดทารกเป็นลำดับต่อไป บางคนอาจจะมีอาหารอยากอาเจียนร่วมด้วย แต่ไม่น่าวิตกกังวลอะไร ซึ่งคุณแม่สามารถถ่ายได้อย่างปกติ ไม่จำเป็นต้องอั้นไว้ เพราะอาจเกิดปัญหาท้องผูกตามมาได้ 4. มีเลือดไหลออกทางช่องคลอด อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือนเชียว เพราะเลือดที่ไหลออกมานี้ จะมีลักษณะเป็นมูกเหนียว ๆ ที่เป็นสัญญาณระยะท้าย ๆ สำหรับหญิงที่มีการตั้งครรภ์ว่า ร่างกายของคุณพร้อมแล้วนะ แล้วมดลูกก็เริ่มมีการขยายแล้ว จึงเริ่มมีการปล่อยมูกเลือดออกมาก่อน หากพบเจออาการนี้ไม่ต้องตกใจ แต่ต้องรีบไปพบสูติแพทย์ทันที เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคลอดลูก 5. น้ำคร่ำแตก และนี่คือสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า เด็กน้อยพร้อมจะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว เมื่อใดก็ตามที่น้ำคร่ำแตก ต้องรีบเดินทางมาพบแพทย์ เพราะแพทย์จะทำคลอดให้ภายใน 1-2 วันนั้นเลย มิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายสำหรับเด็กได้ เพราะไม่มีกลไกธรรมชาติคอยโอบล้อมป้องกันสิ่งต่าง ๆ ให้กับเด็กแล้ว จึงอาจเกิดการติดเชื้อที่เป็นอันตรายทั้งต่อตัวทารกและคุณแม่ ยิ่งใกล้ถึงเวลาคลอดเท่าไร คุณแม่ก็ต้องสังเกตอาการของตัวเองมากยิ่งขึ้น และถ้าหากพบสัญญาณเหล่านี้ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการคลอดมากยิ่งขึ้นด้วย
อาการท้องลด เกิดจากทารกในครรภ์เริ่มเคลื่อนศีรษะลงมาอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งจะทำให้คุณแม่รู้สึกโล่ง ไม่อึดอัด ท้องมีขนาดเล็กลง และ หายใจสะดวกขึ้น ซึ่งอาการนี้จะเรียกว่า "อาการท้องลด" อาการนี้อาจเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนคลอด หรือ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนคลอด ทั้งนี้ในคุณแม่บางคนก็อาจไม่มีอาการท้องลดเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาคลอด 2. มีเมือกไหลออกมาทางช่องคลอด ในช่วงการตั้งครรภ์ บริเวณปากมดลูกจะมีเมือกที่เรียกว่า mucus plug เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในมดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อเริ่มใกล้เวลาเข้าสู่การคลอด ปากมดลูกจะเริ่มเปิดและบาง เมือกนี้ก็จะหลุดออกมา และบางครั้งอาจมีเลือดผสมออกมาด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณของอาการใกล้คลอดนั่นเอง 3. การเจ็บท้องจริง คุณแม่จะรู้สึกเจ็บเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและเริ่มถี่ขึ้น อาการเจ็บท้องจริงก่อนการคลอดนี้จะคล้ายกับตอนที่เจ็บท้องมีประจำเดือน แต่จะเริ่มปวดถี่แรงขึ้นเป็นจังหวะ หากคุณแม่เกิดอาการแบบนี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลได้เลย เพราะเป็นสัญญาณสำคัญของการคลอดแล้ว 4. ท้องเสีย อาการท้องเสีย ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการใกล้คลอด และเมื่อใกล้คลอด ร่างกายจะปล่อยสารโพรสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มดลูกหดตัว และหากมีอาการท้องเสีย จะทำให้ร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เกิดภาวะขาดน้ำ หากมีการท้องเสียมาก ร่างกายจะขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูกอันนำไปสู่การคลอดได้ 5.
ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัขทันทีหลังคลอด ถ้าแม่สุนัขไม่ได้สกปรกจนเกินไปก็ไม่ควรอาบน้ำในทันที ควรจะรออย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ก่อนและในการอาบน้ำให้เขาควรใช้แชมพูอ่อน ๆ ในการทำความสะอาด และล้างออกให้หมดเพื่อที่จะได้ไม่มีสารตกค้างที่ตัวแม่สุนัข เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อลูกอีกด้วย 5.
ไซบีเรียนกินอะไรถึงอ้วน สุดยอดคำถามที่คนรักสุนัขไซบีเรียนอยากรู้! Reader Interactions You must log in to post a comment.